ปัจจุบันนอกจากปัจจัย 4 ที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ แล้วดูเหมือนว่ารถยนต์ได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนเมืองไปเสียแล้ว เนื่องจากรถยนต์ซึ่งรวมถึงการขนส่งและการจราจร ได้มีบทบาทเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกพื้นฐานที่จำเป็น ในการเดินทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ การเดินทางเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจ อย่างไรก็ดี แม้เราจะได้รับประโยชน์และ ความสะดวกสบายหลายอย่างจากการใช้รถยนต์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แต่ในอีกด้านหนึ่งเราก็ต้องเผชิญกับ ปัญหามลพิษที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์และต่อสิ่งแวดล้อมของโลก ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข
หนึ่งในหลักการพื้นฐานของการแก้ปัญหา คือ การเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายให้กับผู้สัญจร โดยลดการพึ่งพารถยนต์ให้เหลือน้อยที่สุดและนำไปสู่มาตรการ เพื่อจำกัดจำนวนการใช้รถยนต์ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง
ของแต่ละปี ซึ่งประเทศในโซนยุโรปตะวันตกถือได้ว่า เป็นผู้นำของการรณรงค์กิจกรรมวันปลอดรถขึ้นเป็นแห่งแรก ที่ประเทศฝรั่งเศสโดยมีเมืองต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 34 เมือง และมีเมืองจากประเทศอิตาลีเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นอีกถึง 90 เมือง ในปีถัดมา ซึ่งในปี 2534 คณะกรรมการมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของยุโรป ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างเต็มรูปแบบภายใต้โครงการ “In Town Without My Car”
หลังจากนั้น จึงได้มีการกำหนดให้วันที่ 22 กันยายน ของทุกปี เป็นวันปลอดรถสากล เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลก กำหนดให้มีถนนเส้นใดเส้นหนึ่งหรือทั่วทั้งเมืองเป็นเขตปลอดรถ เพื่อรณรงค์ให้เกิดการแก้ปัญหาเรื่องมลพิษและปัญหาด้าน การจราจรอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้มีการเข้าร่วมกิจกรรมมากมายรวมถึงประเทศไทย ที่ได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์วันปลอดรถอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ไม่เฉพาะในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ตามเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัดก็มีการกิจกรรมนี้กันอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการส่งเสริมการเดินทางอย่างยั่งยืน Retrieved from http://www.bangkokcarfree.com : http://www.bangkokcarfree.com/BkkCfd.php