การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มากเกินจำเป็นของรัฐแคลิฟอร์เนียแล้วหรือ ?
การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มากเกินจำเป็นของรัฐแคลิฟอร์เนียแล้วหรือ ?
ฟาร์มโซล่าเซลล์ในแคลิฟอร์เนีย (ที่มาของรูปภาพ website : qz.com)
การผลิตพลังงานมากเกิน การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ของรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นดั่งไฟที่กำลังปะทุ นั่นเพราะหลังจากที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จาก 0.5% ในปี ค.ศ. 2010 มาเป็น 10% ในปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมาส่งผลให้รัฐต้องหยุดพักการผลิตชั่วคราวในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018 โดยพบว่าการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สูงสุดในประวัติการณ์ถึง 50% ของพลังงานที่รัฐคาดหวัง และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่มีแสงแดดจัดมาก เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านสาธาณูปโภครายงานว่า มียอดการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์สูงถึง 10,411 เมกะวัตต์ ซึ่งทุบสถิติมากกว่าปีที่แล้ว 5% โดยรัฐมักจะต้องทำการแบ่งจ่ายกระแสไฟไปยังรัฐอริโซน่าและรัฐอื่นๆ ด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงปริมาณไฟฟ้าที่มีมากเกินบริโภคนั่นเอง
ทาง Greentech Media ได้รายงานว่าการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานหมุนเวียนสำหรับการอุปโภคบริโภคเพื่อการค้าและธุรกิจนั้นสร้างโอกาสให้ผู้ลงทุนน้อยลง เนื่องจากมีผู้ลงทุนในระบบสาธารณูปโภคอยู่แล้วและคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการผลิตได้ดีกว่ารัฐถึง 25% ภายในปี ค.ศ. 2020 โดยในปีที่ผ่านมาไม่มีการจัดซื้อพลังงานหมุนเวียนเลยและยังไม่มีแนวโน้มการวางแผนที่จะต่อสัญญาจัดซื้อด้วย (แม้ความต้องการด้านสาธารณูปโภคจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม) Jan Smutny-Jones จากสมาคมผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนอิสระกล่าวกับทาง Greentech ว่า พลังงานที่ผลิตได้นั้นมีมากมายล้นเหลือและพวกเขาไม่รู้จะทำเช่นไร ทำให้พวกเขาต้องหยุดการผลิตสักระยะหนึ่งก่อน
กราฟแสดงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ไฟฟ้าที่ลดต่ำลงกว่าศูนย์เป็นเวลาหลายชั่วโมงในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2017 (ที่มาของรูปภาพ website : independent)
การลงทุนของตลาดพลังงานทดแทนมีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จากรายงานของ Bloomberg พบว่าแม้แต่ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์แถวหน้าของสหรัฐที่เติบโตมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปีติดต่อกันก็ยังมีการชะลอตัวลงในปี ค.ศ. 2017 สาเหตุหลัก ๆ คือ การที่บริษัท Tesla ผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์ SolarCity ได้ลดการใช้จ่ายด้านการตลาดและไปมุ่งเน้นการทำกำไรแทนการเติบโตด้านการผลิต และยกผลประโยชน์ให้กับบริษัทติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ชั้นนำของสหรัฐอย่าง Sunrun แทนอย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเพื่อที่พักอาศัยจะยังไม่หายไปไหน โดยในปีที่ผ่านมามีการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์กว่า 2,500 เมกะวัตต์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวจะดำเนินต่อไปในตลาดใหม่ อย่างใน Utah, Texas, South Carolina และ Florida สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ของรัฐแคลิฟอร์เนียกลับเข้าสู่ช่วงเติบโตมากที่สุดอีกครั้ง นั่นก็คือ การหาเป้าหมายใหม่ ๆ ด้วยการกำหนดนโยบายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้สามารถใช้ได้อย่างน้อย 50% ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอีกต่อไป (จากสถิติพบว่ามีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้แล้ว 27% ในปีที่ผ่านมา) นอกจากนี้ วุฒิสภารัฐแคลิฟอร์เนียยังกำหนดนโยบายให้ต้องใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 100% ภายในปี ค.ศ. 2045 อีกด้วย
โครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ Riverside’s Tequesquite ที่สร้างขึ้นจากหลุมฝังกลบขนาด 125 เอเคอร์ กับแผงโซล่าเซลล์ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างเพียงพอต่อความต้องการของประชากรกว่า 2,250 หลังคาเรือน
(ที่มาของรูปภาพ website : dailynews)
เรียบเรียงโดย นาย ศาสตร์ณุพล วิเชียรกัลยารัตย์ ทีมงาน iEnergy Guru
เอกสารอ้างอิง
https://www.dailynews.com/2017/03/18/heres-how-california-ended-up-with-too-much-solar-power/
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!