ไม่ใช่แค่ผ้าขนหนู! 6 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “โรงแรมสีเขียว” มาตรฐานไทย

เมื่อพูดถึง "โรงแรมสีเขียว" หรือ "โรงแรมรักษ์โลก" ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นป้ายรณรงค์ให้ใช้ผ้าขนหนูซ้ำ การปิดไฟเมื่อไม่อยู่ในห้อง หรือการประหยัดน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่ามาตรฐานโรงแรมสีเขียวของประเทศไทยนั้นไปไกลกว่าภาพจำเหล่านั้นมาก

มาตรฐาน "โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Green Hotel Plus)" ที่จัดทำโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เป็นเพียงแค่รายการตรวจสอบการประหยัดทรัพยากร แต่มันคือปรัชญาที่ครอบคลุมทุกมิติของการดำเนินงาน ตั้งแต่รากฐานทางจริยธรรม การออกแบบอาคาร ไปจนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 6 แง่มุมที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึงที่สุดจากหลักเกณฑ์นี้ ซึ่งจะเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อคำว่า "โรงแรมสีเขียว" ไปตลอดกาล และทำให้การเลือกที่พักครั้งต่อไปของคุณมีความหมายมากกว่าที่เคย

1. มากกว่าเรื่องสิ่งแวดล้อม คือความรับผิดชอบต่อ "สังคมและผู้คน"

หลายคนอาจคิดว่ามาตรฐานโรงแรมสีเขียวจะเน้นแค่เรื่องการจัดการพลังงานและขยะ แต่ Green Hotel Plus ให้ความสำคัญกับมิติทางสังคมอย่างเข้มข้นจนน่าประหลาดใจ

หลักเกณฑ์นี้กำหนดให้โรงแรมต้องมีนโยบายการจ้างงานที่เป็นธรรม ให้โอกาสอย่างเท่าเทียมโดยไม่กีดกันทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือความบกพร่องทางร่างกาย และที่สำคัญคือต้องครอบคลุมไปถึงตำแหน่งระดับบริหารด้วย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความเท่าเทียมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การจ้างงานในระดับเริ่มต้น แต่เป็นการเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มได้เติบโตในเส้นทางอาชีพ นอกจากนี้ยังต้องเคารพสิทธิแรงงาน จ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ และดูแลสวัสดิภาพของพนักงานอย่างดี

ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือข้อกำหนดที่ชัดเจนในการมีนโยบายต่อต้านการหาประโยชน์โดยมิชอบ การใช้แรงงานเด็ก และการล่วงละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก เยาวชน และผู้หญิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความยั่งยืนที่แท้จริงต้องเริ่มต้นจากการเคารพคุณค่าและสิทธิของมนุษย์ทุกคน

2. หัวใจคือ "ท้องถิ่น": ต้องสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนรอบข้าง

การเป็นโรงแรมสีเขียวที่แท้จริงไม่ใช่การดำเนินธุรกิจแบบแยกส่วน แต่ต้องเชื่อมโยงและเกื้อกูลกับชุมชนโดยรอบอย่างเป็นรูปธรรม

มาตรฐาน Green Hotel Plus กำหนดให้โรงแรมต้องให้โอกาสผู้ประกอบการในท้องถิ่นเป็นอันดับแรกในการจัดซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารไปจนถึงของใช้ในโรงแรม และส่งเสริมการจ้างงานคนในพื้นที่ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับบริหาร เพื่อให้คนในชุมชนได้เติบโตไปพร้อมกับโรงแรม

ยิ่งไปกว่านั้น โรงแรมไม่ได้เป็นเพียง "ลูกค้า" ของชุมชน แต่ยังทำหน้าที่เป็น "พี่เลี้ยง" โดยให้คำแนะนำและสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานความยั่งยืนของสินค้าและบริการ ซึ่งหมายความว่าเงินทุกบาทที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในโรงแรมเหล่านี้ จะหมุนเวียนกลับไปสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นโดยตรง

3. เคารพสิทธิและวัฒนธรรม คือพื้นฐานที่ต้องมี

ประเด็นนี้อาจเป็นเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึงมากที่สุด เพราะความยั่งยืนในมาตรฐานนี้ไปไกลถึงการเคารพสิทธิในที่ดินและมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นอย่างจริงจัง

โรงแรมที่เข้าร่วมมาตรฐานจะต้องมีเอกสารพิสูจน์สิทธิ์ในการครอบครองที่ดินและแหล่งน้ำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องไม่สร้างข้อพิพาทหรือบังคับย้ายถิ่นฐานของชุมชนดั้งเดิม หลักเกณฑ์ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า:

"การได้มาซึ่งสิทธิบนที่ดิน แหล่งน้ำ และครองครองทรัพย์สิน ขององค์กรจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นไปตามหลักสิทธิของคนในท้องถิ่นและชนพื้นเมือง ซึ่งจะต้องได้รับการยิมยอมจากคนในท้องถิ่นและชนพื้นเมืองก่อน โดยไม่มีการบังคับ..."

นอกจากนี้ โรงแรมยังมีหน้าที่ต้องมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และที่สำคัญคือต้องเคารพ "สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของชุมชนท้องถิ่น" (ตามตัวชี้วัด 6.8.3) ในการนำศิลปะหรืองานฝีมือมาใช้ตกแต่งหรือจัดจำหน่าย ซึ่งแสดงถึงความเคารพในระดับที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง

4. ใส่ใจทุกชีวิต: สวัสดิภาพสัตว์และระบบนิเวศเป็นเรื่องใหญ่

ความรับผิดชอบของโรงแรมสีเขียวไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับมนุษย์ แต่ยังครอบคลุมถึงทุกชีวิตและระบบนิเวศโดยรอบอย่างรอบด้าน

มาตรฐานนี้มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ โดยระบุชัดเจนว่าโรงแรมห้ามครอบครอง ล่า หรือซื้อขายสัตว์ป่า ยกเว้นจะได้รับอนุญาตตามกฎหมายอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังต้องสนับสนุนการใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่นในการจัดสวน แทนที่จะเป็นพันธุ์ไม้ต่างถิ่นที่อาจรุกรานระบบนิเวศเดิม

ที่น่าประทับใจยิ่งกว่า คือมาตรฐานนี้ไม่ได้มองแค่การ "อนุรักษ์" แบบตั้งรับ แต่ยังส่งเสริมการ "ฟื้นฟู" เชิงรุก โดยระบุให้โรงแรมต้องมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติที่ถูกรบกวน (ตัวชี้วัด 5.9.2) ซึ่งหมายความว่าการเข้าพักในโรงแรมเหล่านี้ คือการสนับสนุนสถานที่ที่ไม่เพียงไม่เบียดเบียนธรรมชาติ แต่ยังช่วยเยียวยาและทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบดีขึ้นอีกด้วย

5. ความยั่งยืนเริ่มตั้งแต่ "ก่อนสร้าง": การออกแบบที่คิดมาเพื่อโลก

ความยั่งยืนที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่มาทำทีหลัง แต่ต้องถูกฝังลึกไปตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนและออกแบบก่อสร้าง

มาตรฐาน Green Hotel Plus มีหมวดที่ว่าด้วยการออกแบบอาคารและการจัดการภูมิทัศน์โดยเฉพาะ โดยกำหนดว่าการวางผัง การเลือกที่ตั้ง และการก่อสร้าง ต้องสอดคล้องกับกฎหมายผังเมือง และต้องออกแบบให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของพื้นที่นั้นๆ

หลักเกณฑ์ยังลงลึกถึงรายละเอียดที่น่าทึ่งและรอบคอบอย่างยิ่ง เช่น การออกแบบต้องไม่รบกวนที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ไม่รุกล้ำแหล่งน้ำ และต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้วัสดุและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว

6. ทุกอย่างต้องวัดผลได้: ไม่ใช่แค่ "พูด" แต่ต้อง "ทำ" และ "รายงาน"

สิ่งที่ทำให้มาตรฐาน Green Hotel Plus น่าเชื่อถือและแตกต่างจากการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ คือการยืนยันว่าทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนข้อมูลและการวัดผลที่เป็นรูปธรรม

โรงแรมที่เข้าร่วมไม่ได้แค่ประกาศนโยบายสวยหรู แต่ต้องเก็บข้อมูลและรายงานผลอย่างเป็นระบบในทุกมิติ ตัวอย่างเช่น ต้องมีการบันทึกข้อมูลปริมาณการใช้พลังงานต่อคนต่อคืน, ปริมาณการใช้น้ำต่อคนต่อคืน, ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของนักท่องเที่ยว

นี่คือหลักประกันที่ชัดเจนว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่ "นโยบายบนกระดาษ" แต่เป็นความมุ่งมั่นที่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรามั่นใจได้ว่าการเลือกพักที่นี่ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง

บทสรุป

มาตรฐาน Green Hotel Plus ของไทยได้ยกระดับความหมายของ "โรงแรมสีเขียว" ให้กลายเป็นพิมพ์เขียวของการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบอย่างรอบด้าน เป็นการเดินทางที่ผู้มาเยือนไม่ได้ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า แต่ยังได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรมของสถานที่นั้นๆ อย่างแท้จริง

ครั้งต่อไปที่คุณเลือกที่พัก คุณจะมองหาอะไรที่มากกว่าแค่ป้าย 'รักษ์โลก' หรือไม่? การเลือกของคุณไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่คือการลงคะแนนเสียงที่ทรงพลังให้กับอนาคตของการท่องเที่ยว คือการส่งสารถึงอุตสาหกรรมว่าเราต้องการความยั่งยืนที่ลึกซึ้งและวัดผลได้

 

0 Reviews

Write a Review

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *