ขับรถ…ประหยัดน้ำมัน ด้วยวิธีง่ายๆ

ขับรถ...ประหยัดน้ำมัน ด้วยวิธีง่ายๆ

 

เคล็ดลับง่ายๆ กับการประหยัดน้ำมันก่อนขับรถ

  • ปรับเช็คเครื่องยนต์ก่อนเดินทางไกล
  1. เบรก: หากเกิดการเสียดสีของผ้าเบรกจนเกิดเสียงดังจะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 12 ลิตรต่อเดือน
  2. ไส้กรองอากาศ: ทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หากเกิดการอุดตันจะสิ้นเปลืองน้ำมัน 1.95 ลิตรต่อเดือน
  3. น้ำมันเครื่อง: เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองทุก 6 เดือน
  4. คาร์บูเรเตอร์: หากเกิดความสกปรกจะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบสิ้นเปลืองน้ำมัน 3 ลิตรต่อเดือน
  5. หัวเทียน: ควรเปลี่ยนหัวเทียนทุก 1 ปี หากหัวเทียนเสื่อมสภาพจะสิ้นเปลืองน้ำมัน 0.6 ลิตรต่อเดือน
  6. ลมยาง: ควรเติมลมยางตามแรงดันที่กำหนด หากลมยางอ่านจะสิ้นเปลืองน้ำมัน 2.4 ลิตรต่อเดือน
  7. หม้อน้ำ: 8วรตรวจระดับน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ
  8. ความเร็วรอบ: ควรปรับความเร็วรอบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตออกแบบไว้

Full page photo Full page photo

 

เคล็ดลับง่ายๆ กับการประหยัดน้ำมันขณะขับรถ

  1. ไม่ละเลยวางแผนก่อนเดินทาง: หลงทาง 10 นาที สิ้นเปลืองน้ำมัน 500 ซี.ซี.
  2. ไม่เร่งเครื่องยนต์ก่อนออกรถ: ควรออกรถและวิ่งไปอย่างช้าๆ แทนการอุ่นเครื่องยนต์ จะช่วยประหยัดน้ำมัน 44 บาท
  3. ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด: ขับรถด้วยความเร็วคงที่ประหยัดน้ำมันได้ 139 บาท
  4. ไม่เลี้ยงคลัตช์: การเลี้ยงคลัตช์หรือเอาเท้าแช่ไว้จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน
  5. ไม่เร่งเครื่องก่อนถึงไฟแดง: ชะลอความเร็วก่อนถึงไฟแดงแล้วเหยียบเบรกสามารถประหยัดได้ 44 บาท
  6. ไม่ละเลยใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์
  7. ไม่ขับก็ดับเครื่อง: การติดเครื่องนานๆวันละ 5 นาที สิ้นเปลือง 111 บาท
  8. ไม่ละเลยปิดแอร์ก่อนถึงเป้าหมาย: ประหยัดน้ำมันได้ 33 บาท
  9. ไม่บรรทุกสิ่งของเกินความจำเป็น: หากบรรทุกสิ่งของเกินความจำเป็น 25 กิโลกรัม แล้ววิ่งไป 50 กิโลเมตร จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน 20 ซี.ซี.
  10. ทางเดียวกันไปด้วยกัน: การจราจรบนท้องถนนลดลง แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

Full page photo

เคล็ดลับง่ายๆ กับการประหยัดน้ำมันหลังขับรถ

  • ดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้ถูกวิธี ดังนี้
  1. ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
  2. ตรวจสอบหัวเทียน
  3. ตรวจสอบความเร็วรอบเดินเบา: 800 รอบต่อนาที
  4. ตรวจสอบระดับน้ำแบตเตอรี่: อย่าปล่อยให้ระดับน้ำในแบตเตอรี่แห้งเพราะจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติดและแบตจะใช้งาน                                                            ไม่ได้อีก
  5. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
  6. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นของหม้อน้ำ: ควรอยู่ในระดับที่พอดี คือระหว่างต่ำสุดและระดับสูงสุด

Full page photo


 

ขอขอบคุณภาพจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน

0 Reviews

Write a Review

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *